ร้อง สว. อดีตตำรวจมือปราบน้ำมันเถื่อนรอ 26 ปี
พ.ต.ท.ยงยศ เทียมประชา อดีต รอง ผกก.หัวหน้า สภ.อ.สุคินริน จ.นราธิวาส เดินทางมายื่นเอกสารต่อสำนักงานประสานงาน สมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา เพื่อขอความเป็นธรรมจากรัฐบาล ผ่านนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภาสายสื่อมวลชน โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อปี 2534 ขณะที่ พ.ต.ท.ยงยศดำรงตำแหน่งสารวัตรสืบสวนอยู่ที่ ภ.จว.สตูล ได้รับคำสั่งให้สืบสวนจับกุมผู้มีอิทธิพลค้าน้ำมันเถื่อนใน จ.สตูล และได้ทำการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนขณะกำลังขนถ่ายน้ำมันจากเรือฮะเฮง และเรือลักษมี ขึ้นสู่รถบรรทุกน้ำมัน
คดีความเริ่มบานปลายเมื่อผู้ถูกจับกุมต่อสู้คดี โดยอ้างว่าการจับกุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย และน้ำมันที่ถูกจับกุมเป็นน้ำมันที่ถูกต้องตามกฎหมาย พ.ต.ท.ยงยศต้องต่อสู้คดีด้วยตนเองและถูกโยกย้ายไปยังจังหวัดต่างๆ จนกระทั่งมาดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.หน.สภ.สุคิริน จ.นราธิวาส ก่อนเกษียณอายุราชการ
ผลแห่งคดี ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2542 ให้ พ.ต.ท.ยงยศ เทียมประชา ชนะคดี และพิพากษาให้ด่านศุลกากร จ.สตูล จำหน่ายของกลาง คือ เรือเดินสมุทร ฉะเฮง 1 และ ลักษมี น้ำมันดีเซล 43,000 ลิตร รถบรรทุกน้ำมัน ซึ่งถือเป็นน้ำมันเถื่อน และให้ริบเป็นของกลาง จ่ายสินบนแก่ผู้จับกุม นี่คือจุดเริ่มต้นของการรอคอยความเป็นธรรมที่ยาวนานถึง 26 ปี ของอดีตตำรวจมือปราบน้ำมันเถื่อน
อดีตตำรวจมือปราบน้ำมันเถื่อน ร้อง สว.หลังรอความเป็นธรรมมา 26 ปี จากคำพิพากษาศาลฏีกา
หลังคำพิพากษาศาลฎีกา เจ้าหน้าที่ศุลกากรต้องริบของกลาง จำหน่าย และจ่ายสินบนให้ผู้จับกุม แต่ พ.ต.ท.ยงยศ กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างที่ควรจะเป็น เขาติดตามทวงถามเรื่องสินบน แต่ได้รับคำตอบว่าต้องรอให้ขายของกลางครบถ้วนก่อน จึงจะสามารถจ่ายสินบนได้ ต่อมา พ.ต.ท.ยงยศสืบทราบว่า นายทุนได้ขอประกันเรือทั้ง 2 ลำ รวมทั้งรถบรรทุกน้ำมัน ในวงเงินเพียง 1,150,000 บาท โดยอ้างว่าเรือจมน้ำไปแล้ว แต่ความจริงคือ เรือถูกขายไปให้กับบุคคลอื่น
พ.ต.ท.ยงยศในฐานะผู้เสียหาย ได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ รวมถึงนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจการแผ่นดิน และกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ดำเนินการกับคดีนี้ แต่ทุกหน่วยงานตอบกลับมาว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย แต่ไม่ได้ดำเนินการต่อแต่อย่างใด
เรื่องราวของอดีตตำรวจมือปราบน้ำมันเถื่อน: การรอคอยที่ยาวนาน
ในปี 2563 พ.ต.ท.ยงยศติดตามความคืบหน้าเรื่องการขายของกลางและการจ่ายสินบนนำจับ และทราบว่าศุลกากรจังหวัดสตูลได้จำหน่ายของกลางแล้ว และส่งหนังสือให้เขาไปรับทราบเพื่อรับสินบน แต่จดหมายดังกล่าวกลับถูกส่งไปยัง สภ.เมืองสตูล ไม่ได้ส่งให้เขาตามภูมิลำเนาที่ อ.เมือง จ.ตรัง ทำให้เขาไม่ได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าว และเมื่อครบ 1 ปี สินบนนำจับจึงถูกส่งคืนกรมบัญชีกลาง
ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น ทำให้ พ.ต.ท.ยงยศ ร้องขอความเป็นธรรมไปยัง พ.ต.อ.ทวี สองส่อง อดีตรัฐมนตรียุติธรรม และมีการสั่งให้สอบสวนข้อเท็จจริง แต่ผลการสอบสวนกลับไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้ ทำให้เรื่องราวของอดีตตำรวจมือปราบน้ำมันเถื่อนคนนี้ ยังคงไม่ได้รับความกระจ่าง
พ.ต.ท. ยงยศ เทียมประชา จึงได้ร้องขอความเป็นธรรมจาก นายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เรือของกลางที่หายไปซึ่งมีมูลค่า 40 ล้านบาท แต่ ศุลกากรยึดเพียงเงินประกันเรือ 1,150,000 บาท เป็นมูลค่าเรือของกลาง โดยไม่มีการเอาผิดกับเจ้าของเรือ เพราะเงินประกันเรือกับมูลค่าเรือของกลางเป็นคนละส่วนกัน รวมทั้งการที่ ศุลกากร จ.สตูล ได้ส่ง เอกสาร ให้ตนตามภูมิลำเนา แต่ส่งให้กับ สภ.เมืองสตูล และ สภ.เมืองสตูล หลังรับเอกสาร ไม่ได้ส่งให้กับตนเอง ทำให้ ตนเอง ได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับสิบบนนำจับตามกฎหมาย เรื่องนี้ตนเองไม่ได้เสียหายคนเดียวแต่รัฐเป็นผู้เสียหาย เพราะเงินจากการขายของกลางส่วนหนึ่งเป็นของแผ่นดิน
เรื่องราวของอดีตตำรวจมือปราบน้ำมันเถื่อนท่านนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่า ความยุติธรรมที่ล่าช้า ก็คือความไม่ยุติธรรม และการรอคอยที่ยาวนานถึง 26 ปี เป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าใครจะรับได้ เขาอายุ 92 ปีแล้ว และเรียกร้องขอความเป็นธรรมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเสียชีวิต
เรื่องราวของ อดีตตำรวจมือปราบน้ำมันเถื่อน ท่านนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้เราเห็นถึงความสำคัญของการเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างไม่ย่อท้อ แม้ว่าอุปสรรคจะมากมายเพียงใด
ที่มา – อดีตตำรวจมือปราบน้ำมันเถื่อน ร้อง สว.หลังรอความเป็นธรรมมา 26 ปี จากคำพิพากษาศาลฏีกา