ทรัมป์ร่วมลงนาม ปฏิญญา“ค้ำประกัน”สันติภาพในฉนวนกาซา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองชาร์ม-เอล-ชีค ประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ผู้นำอียิปต์ ประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี และชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัลธานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ร่วมกันลงนามในปฏิญญาชาร์ม-เอล-ชีค ในพิธีซึ่งจัดขึ้นที่เมืองชาร์ม-เอล-ชีค ทางตอนใต้ของอียิปต์ ในฐานะที่ทั้งสามประเทศจะทำหน้าที่ “ผู้ค้ำประกัน” ให้กับข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส
ทรัมป์กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวและการมีหลักค้ำประกันจากผู้นำประเทศขนาดใหญ่ ตอกย้ำว่า ตัวเขาในฐานะผู้นำสหรัฐสามารถบรรลุ “สิ่งที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นไปไม่ได้” และย้ำว่า “สันติภาพเกิดขึ้นกับตะวันออกกลางในที่สุด”
สำหรับสาระสำคัญของปฏิญญาชาร์ม-เอล-ชีค ระบุว่า ผู้ลงนามให้คำมั่นที่จะ “แสวงหาวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมแห่งสันติภาพ ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันในภูมิภาค” และร่วมกันยินดีกับความคืบหน้าในการสร้างกระบวนการจัดการสันติภาพ ที่ครอบคลุมและยั่งยืนในฉนวนกาซา
ขณะที่ซิซีกล่าวว่า ข้อตกลงสันติภาพฉนวนกาซาตามแนวทางของทรัมป์ “ปิดฉากหนึ่งในบทเรียนที่เจ็บปวดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ” และปูทางไปสู่การแก้ไขปัญหาแบบสองรัฐ นั่นคือ การอยู่ร่วมกันระหว่างรัฐอิสราเอลกับรัฐปาเลสไตน์
อนึ่ง ก่อนการประชุมครั้งนี้เกิดขึ้น กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันซึ่งยังมีชีวิตอยู่ชุดสุดท้ายจำนวน 20 คน ออกจากฉนวนกาซา ส่วนอิสราเอลปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์มากกว่า 1,950 คน ออกจากเรือนจำหลายแห่ง ภายใต้การจัดการโดยคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ( ไอซีอาร์ซี )
การปล่อยตัวประกันและนักโทษที่เกิดขึ้นเป็นไปตามแผนการระยะที่หนึ่ง ของข้อตกลงสันติภาพ 20 ข้อระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส อย่างไรก็ตาม การเจรจาเพื่อให้บรรลุผลในระยะต่อไปยังคงมีอีกหลายประเด็นที่ต้องจับตา ซึ่งรวมถึงการที่กลุ่มฮามาสยังคงปฏิเสธปลดอาวุธโดยสมบูรณ์ และอิสราเอลยังคงประจำการทหารอยู่ในพื้นที่ราวครึ่งหนึ่งของฉนวนกาซา.
เครดิตภาพ : AFP
ทรัมป์ร่วมลงนาม ปฏิญญา“ค้ำประกัน”สันติภาพในฉนวนกาซา
การลงนามในปฏิญญา “ค้ำประกัน” สันติภาพในฉนวนกาซา โดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์และผู้นำจากหลายประเทศ ถือเป็นความพยายามครั้งสำคัญในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อในตะวันออกกลาง การมีส่วนร่วมของผู้นำระดับสูงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในภูมิภาคนี้
แม้ว่าข้อตกลงนี้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ยังคงมีความท้าทายอีกมากมายที่ต้องเผชิญ หนึ่งในประเด็นสำคัญคือการเจรจาในระยะต่อไปเพื่อให้บรรลุข้อตกลงที่ครอบคลุมและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย การที่กลุ่มฮามาสยังคงปฏิเสธการปลดอาวุธโดยสมบูรณ์ และอิสราเอลยังคงประจำการทหารอยู่ในพื้นที่บางส่วนของฉนวนกาซา เป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไข
ความสำคัญของการค้ำประกันสันติภาพในฉนวนกาซา
การค้ำประกันสันติภาพในฉนวนกาซา มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค ข้อตกลงนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความรุนแรงและความขัดแย้ง แต่ยังจะเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่
การมีส่วนร่วมของประเทศต่างๆ ในการค้ำประกันสันติภาพ แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบร่วมกันในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน การสนับสนุนและความร่วมมือจากนานาชาติเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ข้อตกลงนี้ประสบความสำเร็จและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม
การลงนามในปฏิญญา ทรัมป์ร่วมลงนาม ปฏิญญา“ค้ำประกัน”สันติภาพในฉนวนกาซา ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาและการสร้างสันติภาพในภูมิภาค การติดตามผลและการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้ข้อตกลงนี้บรรลุเป้าหมายและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในตะวันออกกลาง
การที่ทรัมป์และผู้นำคนอื่นๆ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของข้อตกลงนี้ขึ้นอยู่กับความร่วมมือและความเข้าใจซึ่งกันและกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง การสร้างความไว้วางใจและการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด จะเป็นกุญแจสำคัญในการนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน
ในฐานะประชาชน เราสามารถสนับสนุนความพยายามในการสร้างสันติภาพได้โดยการติดตามข่าวสารและข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง การสนับสนุนองค์กรและโครงการที่ทำงานเพื่อสันติภาพ และการส่งเสริมความเข้าใจและความอดทนต่อวัฒนธรรมและความเชื่อที่แตกต่างกัน
ความหวังในการสร้างสันติภาพในตะวันออกกลางยังคงอยู่ และเราทุกคนมีบทบาทในการสนับสนุนให้ความหวังนั้นเป็นจริง
ที่มา – ทรัมป์ร่วมลงนามปฏิญญา “ค้ำประกัน” สันติภาพในฉนวนกาซา
