พริษฐ์แนะ กกต. อย่าเพิ่งยอมแพ้ **ออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขต**
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า กกต. ยังไม่ควรยอมแพ้ หากต้องการอำนวยความสะดวกประชาชน การออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขต ยังมีช่องให้ทำได้ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน เมื่อวันก่อน ผมเห็นว่าทางผู้บริหาร กกต. ได้ออกมาแถลงข่าวว่า แม้รัฐบาลจะเดินหน้าให้มีการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไป ใน มี.ค. 2569 แต่ทาง กกต. จะไม่จัดให้มีการออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขต เหมือนกับการเลือกตั้ง สส. “ล่วงหน้านอกเขต”
นายพริษฐ์ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก การออกเสียงหรือเลือกตั้ง ล่วงหน้านอกเขตคืออะไร การเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต คือการเปิดโอกาสให้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ที่แตกต่างกับที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่จริงได้ 1 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง (เช่น คนที่ทะเบียนบ้านอยู่สงขลา แต่อาศัยและทำงานอยู่ที่ กทม. สามารถเลือกได้ระหว่างเดินทางกลับไปใช้สิทธิที่สงขลาในวันเลือกตั้งจริง หรือ ใช้สิทธิ เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต โดยการไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งใน กทม. ที่ กกต. จัดให้ 1 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้งจริง
นายพริษฐ์ ระบุว่า หากย้อนไปดูสถิติจากการเลือกตั้ง สส. 2566 เราจะเห็นว่ามีประชาชนที่ลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิเลือกตั้ง ล่วงหน้านอกเขต สูงถึง 2.08 ล้านคน หรือ 5% ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง คำแถลงของ กกต. ว่าจะไม่มีการออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขต เป็นปัญหาอย่างไรนั้น หากต้องการอำนวยความสะดวกประชาชน ผมเห็นว่าเป้าหมายที่เราต้องยึดมั่น คือการทำให้ การเลือกตั้ง สส. และ การออกเสียงประชามติ ใช้มาตรฐานเดียวกัน แต่สิ่งที่ กกต. แถลงเมื่อวาน กลับไม่เป็นไปตามเป้าหมายดังกล่าว เพราะ กกต. ประกาศว่า แม้จะมีการจัดการเลือกตั้งกับประชามติพร้อมกัน แต่กติกาเรื่องการออกเสียงล่วงหน้าจะไม่เหมือนกัน
นายพริษฐ์ ระบุว่า ประชาชนเลือกตั้ง สส. ล่วงหน้านอกเขตได้ ประชาชนออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขตไม่ได้ (โดยออกเสียงนอกเขตได้เฉพาะในวันจริง) สรุปให้เห็นภาพคือ สมมุติว่าวันเลือกตั้งพร้อมประชามติคือวันที่ 29 มี.ค.สมมุติ มี นาย ก. ที่ทะเบียนบ้านอยู่สงขลา แต่อาศัยและทำงานอยู่ที่ กทม.ในวันที่ 22 มี.ค. นาย ก. ไปเลือกตั้ง สส. ล่วงหน้า ที่หน่วยใน กทม. ได้ แต่ไม่สามารถออกเสียงประชามติในวันดังกล่าวได้ ถ้า นาย ก. อยากจะออกเสียงประชามติ นาย ก. จะต้องไปที่หน่วยที่ กทม. (นอกเขต) หรือ ที่สงขลา (ในเขต) ในวันที่ 29 มี.ค. เท่านั้น ดังนั้น หาก นาย ก. ไม่สะดวกเดินทางกลับไปที่สงขลา ก็จะต้องไปที่หน่วยใน กทม. 2 ครั้ง คือ ไปเลือกตั้ง สส. ในวันที่ 22 มี.ค. และ ไปออกเสียงประชามติอีกครั้งในวันที่ 29 มี.ค.หากเดินต่อแบบนี้ กติกาดังกล่าวจะสร้างความไม่สะดวกและความสับสนมหาศาลให้กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
นายพริษฐ์ ระบุว่า ผมเห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าคนแบบ นาย ก. ที่ไม่สะดวกเดินทางกลับบ้าน และล็อกตารางไว้แล้วว่าจะไปใช้สิทธิทีเดียวที่ กทม. ในวันที่ 22 มี.ค. จะกลายเป็นได้เลือกตั้งเฉพาะ สส. และสูญเสียสิทธิในการออกเสียงประชามติ (หากเขาไม่สะดวกกลับไปอีกรอบในวันที่ 29 มี.ค.)
นายพริษฐ์ ระบุต่อไปว่า ทำไม กกต. ถึงตัดสินใจออกแบบกติกาที่ไม่สะดวกและสับสนเช่นนี้ ถ้าจะให้ความเป็นธรรมกับ กกต. ก็ต้องบอกว่าปัญหาบางส่วนเกิดขึ้นเพราะความไม่สอดคล้องกันของกฎหมาย พ.ร.ป. เลือกตั้ง สส. และ พ.ร.บ. ประชามติเพราะในขณะที่ พ.ร.ป. เลือกตั้ง สส. พูดถึงการรองรับการเลือกตั้ง สส. ล่วงหน้านอกเขตอย่างชัดเจน แต่ พ.ร.บ. ประชามติ ไม่มีการพูดถึงการออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขตอย่างชัดเจน โดยมีเฉพาะการพูดถึง “การออกเสียงประชามติ ในวันจริงนอกเขต” (มาตรา 41) และ “การออกเสียงประชามติ ล่วงหน้านอกราชอาณาจักร” (มาตรา 53-57)
นายพริษฐ์ ระบุต่อว่า ในอนาคต ผมเห็นว่าการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการออกเสียงทุกฉบับ (เช่น พ.ร.ป. เลือกตั้ง สส. / พ.ร.บ. เลือกตั้งท้องถิ่น / พ.ร.บ. ประชามติ) ให้สอดคล้องกันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยเวลาอันจำกัด การผลักดันการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวให้ผ่าน 2 สภา ทันก่อนการยุบสภาในอีกไม่เกิน 3 เดือน ไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ ทางออกที่ กกต. ทำได้ ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน แต่ กกต. ยังไม่เลือกทำ ผมเห็นว่ากลไกหนึ่งที่ กกต. ใช้เป็นทางออกได้ โดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย คือกลไกการออกเสียงทางไปรษณีย์ ซึ่งเป็นกลไกที่ พ.ร.บ. ประชามติ รองรับไว้อยู่แล้ว (มาตรา 47-48) และยังให้อำนาจกับ กกต. เต็มที่ในการออกแบบ “หลักเกณฑ์และวิธีการลงทะเบียน การลงคะแนนออกเสียง การนับคะแนนออกเสียง และการดำเนินการอื่นที่จำเป็น” (มาตรา 47)
นายพริษฐ์ ระบุต่อไปว่า ข้อเสนอของผมรอบนี้ ไม่ใช่การให้ กกต. เปิดให้ประชาชนออกเสียงประชามติผ่านไปรษณีย์ได้แบบเต็มรูปแบบเหมือนในประเทศอื่น โดยให้ประชาชนขอรับซองและออกเสียงทางไปรษณีย์จากที่บ้านตนเอง เนื่องจากรูปแบบดังกล่าวเป็นรูปแบบที่ประเทศเรายังไม่เคยทดลองมาก่อน (และคงต้องเตรียมการล่วงหน้านานกว่านี้) แถมยังเป็นรูปแบบที่ยังทำไม่ได้สำหรับการเลือกตั้ง สส. (ซึ่งจะทำให้ประชาชนสับสนเพราะจะทำให้การเลือกตั้ง สส. และการออกเสียงประชามติ กลายเป็นใช้คนละมาตรฐานกัน)
ข้อเสนอของผมสำหรับรอบนี้ คือการให้ กกต. เปิดให้ประชาชนออกเสียงประชามติผ่านไปรษณีย์ โดยกำหนดไว้อย่าง “เจาะจง” ว่าหากใครต้องการใช้สิทธิออกเสียงทางไปรษณีย์ จะต้อง1. ลงทะเบียนพร้อมกับการเลือกตั้ง สส. ล่วงหน้านอกเขต 2. เดินทางมาที่หน่วยเลือกตั้งที่ตนตั้งใจจะมาใช้สิทธิเลือกตั้ง สส. ล่วงหน้านอกเขต ในวันที่ 22 มี.ค. 3. รับซองออกเสียง ลงคะแนนเสียง และยื่นบัตรออกเสียงกลับคืนให้เจ้าหน้าที่ ณ หน่วยเลือกตั้งดังกล่าวในวันดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งบัตรออกเสียงไปที่หน่วยนับคะแนน “ทางไปรษณีย์” เป็นการต่อไป
นายพริษฐ์ ระบุอีกว่า หากเป็นเช่นนี้ นาย ก. (ที่ทะเบียนบ้านอยู่สงขลา แต่อาศัยและทำงานอยู่ที่ กทม.) ก็จะสามารถเดินทางไปที่หน่วยใน กทม. ในวันที่ 22 มี.ค. และใช้สิทธิเลือกตั้ง ออกเสียงทั้ง 2 อย่างได้พร้อมกัน 1. เลือกตั้ง สส. ล่วงหน้านอกเขต (เหมือนเดิม) 2. ออกเสียงประชามติ (โดยเรียกการออกเสียงดังกล่าวว่าเป็นการออกเสียงทางไปรษณีย์) ข้อเสนอนี้ เป็นข้อเสนอที่ผมเคยนำเสนอตัวแทน กกต. ในการประชุม กมธ. พัฒนาการเมืองฯ เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา แม้ตัวแทน กกต. วันนั้นรับปากว่าจะนำเรื่องไปพิจารณาต่อ แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ผู้บริหาร กกต. กลับยังไม่ตอบรับข้อเสนอดังกล่าว
นายพริษฐ์ ระบุต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม เรายังมีเวลาเปลี่ยนใจ กกต.ผมยืนยันว่าพวกเราทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ กกต. ต้องพยายามทำเต็มที่เพื่อ “อำนวยความสะดวก” ให้ประชาชนในการใช้สิทธิเลือกตั้งและออกเสียงประชามติ ผมเข้าใจดีว่า ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีส่วนสำคัญมาจากความไม่สอดคล้องกันของกฎหมาย แต่ผมเห็นว่าข้อเสนอของผมยังคงเป็นไปได้ตามกรอบของกฎหมายปัจจุบัน และผมยินดีเข้าไปหารือกับ กกต. เพิ่มเติม เพื่อร่วมกันพิจารณารายละเอียดของข้อเสนอดังกล่าว
นายพริษฐ์ ระบุอีกว่า หาก กกต. จะเอาความสะดวกของหน่วยงานเป็นตัวตั้ง ย่อมเป็นเรื่องง่ายที่ กกต. จะรีบตัดจบและบอกว่า ออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขต ไม่ได้เพราะกฎหมายไม่เขียนไว้ชัดเจน แต่หาก กกต. จะเอาความสะดวกของประชาชนเป็นตัวตั้ง ผมเห็นว่า กกต. ยังไม่ควรยอมแพ้ง่ายๆ แต่ควรเดินหน้าหาทางออกภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อทำให้ประชาชน ออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขตได้ เหมือนกับการเลือกตั้ง สส.
กกต.กับการออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขต
การที่ กกต. คำนึงถึงความสะดวกของประชาชนเป็นหลักถือเป็นเรื่องที่ควรสนับสนุนอย่างยิ่ง การเปิดให้มีการออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขตได้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งได้อย่างมาก
ทำไมต้องออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขต?
การสนับสนุนให้ กกต. พิจารณาแนวทางการออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขตจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การใช้สิทธิของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ
ที่มา – ‘พริษฐ์’แนะกกต.ยังไม่ควรยอมแพ้ปมออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขต