ยืมเงินไม่คืน มีความผิดไหม หลักฐานฟ้องร้อง ต้องทำอย่างไร

เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการ ยืมเงินไม่คืน กลายเป็นประเด็นสังคมที่ได้รับความสนใจในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีของอดีตพระมหาสมปอง ที่ถูกกล่าวถึงในประเด็นการกู้ยืมเงินจำนวนมาก ซึ่งในภายหลังได้ออกมาชี้แจงว่า “ยืมนะครับยืม คืนไปแล้วเกือบครึ่ง”. ทั้งนี้ หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า การยืมเงินโดยไม่คืนนั้น มีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ และหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ผู้ให้กู้ควรดำเนินการอย่างไรบ้าง

ยืมเงินไม่คืน มีความผิดไหม

จากข้อมูลทางกฎหมาย เมื่อมีการกู้ยืมเงินกันระหว่างบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ญาติ หรือผู้มีอิทธิพลในสังคม การยืมเงินที่มีมูลค่าตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป จะต้องมีสัญญากู้ยืมเงินเป็นลายลักษณ์อักษร และระบุเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย (ไม่เกิน 15% ต่อปี) พร้อมทั้งลายมือชื่อของผู้กู้ เพื่อให้สามารถบังคับคดีได้ในภายหลัง หากไม่มีหลักฐานเหล่านี้ก็อาจส่งผลให้ไม่สามารถเรียกร้องคืนได้

ความผิดตามกฎหมายของการยืมเงินไม่คืน

การยืมเงินที่ไม่มีเจตนาจะคืน หรือมีพฤติกรรมหลบเลี่ยงการชำระหนี้ อาจเข้าข่ายความผิดทางแพ่ง และในกรณีที่มีการฉ้อโกงโดยใช้ถ้อยคำอันเป็นเท็จ หรือการหลอกลวง ก็อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 342 หรือ 343 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ

อย่างไรก็ตาม หากผู้กู้ยืมเงินโดยมีเจตนาจะคืนจริง แต่เกิดเหตุสุดวิสัยหรือปัญหาทางเศรษฐกิจทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ อาจไม่ถือว่าผิดกฎหมายโดยตรง แต่ก็ยังสามารถตกเป็นจำเลยในคดีแพ่งได้ โดยศาลสามารถพิจารณาคำขอกู้คืนหนี้ของผู้ให้กู้ได้ตามขั้นตอนกฎหมาย

หลักฐานฟ้องร้องที่จำเป็นต้องมี

หากคุณต้องการฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องเงินคืนจากการที่มีผู้ยืมเงินไม่คืน มีสิ่งที่คุณต้องเตรียมไว้คือ

  • สัญญากู้ยืมเงิน ที่ระบุจำนวนเงิน อัตราดอกเบี้ย วันครบกำหนด และลายมือชื่อของผู้กู้
  • หลักฐานการโอนเงิน เช่น สลิปธนาคาร ใบเซ็นรับเงินสด หรือภาพหน้าจอแชทยืนยันยืมเงิน
  • การสื่อสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความแชท หรืออีเมล ที่สามารถพิสูจน์ความตกลงในการยืมได้

สิ่งที่ต้องทำหากถูกยืมเงินไม่คืน

เมื่อพบว่าผู้กู้ยืมเงินไม่คืน คุณสามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. รวบรวมหลักฐาน ให้ครบถ้วนก่อนดำเนินการทางกฎหมาย
  2. ปรึกษาทนายความ เพื่อรับคำแนะนำและตรวจสอบประวัติคดีของผู้ยืม หากจำเป็น
  3. ยื่นฟ้องต่อศาล ในเขตที่ผู้ยืมมีภูมิลำเนา เพื่อให้ศาลพิจารณาสั่งบังคับชำระหนี้

ความตั้งใจในการยืมเงินและการมีหลักฐานที่ยืนยันความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายถือเป็นประเด็นสำคัญในการพิสูจน์ต่อศาล ดังนั้น การลงลายมือชื่อบนสัญญา หรือการใช้การสื่อสารออนไลน์เป็นหลักฐาน จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ในทุกกรณี การบริหารจัดการหนี้สินอย่างมีความรับผิดชอบคือสิ่งที่ทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้ควรให้ความสำคัญ เพื่อป้องกันความขัดแย้งในอนาคต

ที่มา – ยืมเงินไม่คืน มีความผิดไหม หลักฐานฟ้องร้อง สิ่งที่ต้องทำมีอะไรบ้าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *