22 ต.ค. ชี้ชะตาคดี ‘แส จี้นเจียง’ ที่ศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ศาลรัฐธรรมนูญได้จัดการประชุมปรึกษาหารือคดีสำคัญ ซึ่งรวมถึงเรื่องพิจารณาที่ 12/2568 กรณีศาลอุทธรณ์ส่งคำโต้แย้งของ นายแส จี้นเจียง หรือ SHE Zhijiang ผู้ถูกร้อง ในคดีหมายเลขดำ ที่ ผด 1/2567 หมายเลขแดงที่ พ.ศ.3494/2568 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 มาตรา 19 และมาตรา 21 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 4, 5, 25, 26, 27 และ 29 หรือไม่

ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอจะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และได้นัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันที่ 22 ต.ค. 2568 เวลา 09.30 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้สืบเนื่องจากศาลอาญาได้มีคำสั่งในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องขอให้ส่งตัว นายแส จี้นเจียง เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำร้องขอของรัฐบาลจีน โดยนายแส จี้นเจียง ถูกกล่าวหาว่าเปิดเว็บไซต์การพนัน รวมทั้งบ่อนกาสิโนที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งสร้างความเสียหายมากกว่า 150 ล้านหยวน หรือประมาณกว่า 700 ล้านบาท

ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาดคดี ‘แส จี้นเจียง’

คดีของนายแส จี้นเจียง ได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย เนื่องจากเกี่ยวข้องกับประเด็นกฎหมายระหว่างประเทศ และผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างประเทศไทย จีน และเมียนมา การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของคดีนี้

ความสำคัญของการพิจารณาคดี ‘แส จี้นเจียง’

การพิจารณาคดีของนายแส จี้นเจียง ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หากแต่ยังเกี่ยวข้องกับหลักการทางกฎหมายที่สำคัญหลายประการ เช่น ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน และสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาในการได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของนานาชาติ

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 มาตรา 19 และมาตรา 21 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 4, 5, 25, 26, 27 และ 29 หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

การที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันที่ 22 ต.ค. 2568 ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพื่อรอดูผลการตัดสินว่าจะออกมาในทิศทางใด

สิ่งที่น่าสนใจคือ หากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนฯ ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จะส่งผลให้การส่งตัวนายแส จี้นเจียงไปยังประเทศจีนสามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่หากศาลเห็นว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ จะมีผลกระทบต่อคดีนี้อย่างมีนัยสำคัญ และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนของประเทศไทยในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาในรูปแบบใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่กระบวนการยุติธรรมของไทยดำเนินการไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นไปตามหลักนิติธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

คดีของนายแส จี้นเจียง ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ

ต้องติดตามกันต่อไปว่าวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในคดี ‘แส จี้นเจียง’ อย่างไร และผลของการตัดสินครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและภูมิภาคอย่างไรบ้าง

สรุปแล้ว คดีของ ‘แส จี้นเจียง’ ถือเป็นคดีสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมีผลกระทบต่อหลายด้าน ทั้งในด้านกฎหมาย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม

ที่มา – ‘ศาลรัฐธรรมนูญ’เคาะ 22 ต.ค.ชี้ขาดคดี‘แส จี้นเจียง’ ผู้ต้องหาคดีเปิดบ่อนกาสิโนที่เมียนมา ค้านส่งตัวกลับจีน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *