ผู้เขียน: ข่าวไทย แอดมิน

“เมนู” หวังย้ายออกจาก “ผีแดง” ในตลาดหน้าหนาว

ค็อบบี้ เมนู กองกลางดาวรุ่งของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ยังคงยืนยันเจตจำนงในการย้ายทีมในช่วงตลาดหน้าหนาวนี้ เนื่องจากมองว่าโอกาสในการลงสนามอย่างสม่ำเสมอในทีมชุดใหญ่ของ “ผีแดง” ค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะภายใต้ระบบทัคติกของ รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมคนใหม่ของสโมสรที่ดูจะไม่ได้ให้โอกาสกับนักเตะวัย 20 ปีเท่าที่ควร

“เมนู” หวังย้ายออกจาก “ผีแดง” ในตลาดหน้าหนาว

จากข้อมูลที่รายงานโดย ESPN ระบุว่า เมนู ซึ่งเคยพยายามขอย้ายออกไปด้วยระบบยืมตัวในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจาก แมนฯ ยูไนเต็ด เผชิญปัญหาเรื่องความลึกของแนวรุกและกองกลาง ตอนนี้ยังคงตั้งใจที่จะมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาว เพื่อความก้าวหน้าในสายอาชีพ และเพิ่มโอกาสในการอยู่ใน ทีมชาติอังกฤษ ต่อไป

เป้าหมายและจุดหมายใหม่ของ “เมนู”

หากพูดถึงจุดหมายใหม่ของ เมนู ทีมยุโรประดับท็อป หลายทีมยังคงจับตามองดาวรุ่งรายนี้อยู่ โดยเฉพาะทีมที่ต้องการกัปตันทีมในอนาคต หรือนักเตะที่สามารถควบคุมจังหวะการเล่นในแดนกลางได้อย่างมีคุณภาพ เพราะความสามารถทางเทคนิคและการมองเกมไกลของเขานั้นถูกยกให้เป็นหนึ่งในกองกลางที่น่าจับตามองที่สุดในพรีเมียร์ลีกในยุคนี้

  • Manchester United ต้องการหาตำแหน่งใหม่ให้กับนักเตะ
  • เมนู หวังโอกาสเล่นอย่างต่อเนื่อง
  • โอกาสเข้าทีมชาติอังกฤษอีกครั้งต้องใช้ผลงานจริง

การย้ายทีมในช่วงตลาดหน้าหนาวจะช่วยให้เขาได้มีเวลาคุ้นชินกับระบบและสร้างผลงานให้ดูในระยะสั้น โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องการลุ้นเข้าร่วมศึก ฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในสายอาชีพนักเตะของเขานั่นเอง

ทั้งนี้ยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่าทีมใดจะเป็นจุดหมายสำคัญของ เมนู ในช่วงนี้ แต่คาดว่าจะมีสโมสรจากลีกยุโรปชั้นนำเข้าไปเจรจาอย่างจริงจังในช่วงเวลาที่ใกล้เข้ามา

การตัดสินใจของ เมนู ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญในอาชีพนักเตะ เนื่องจากความก้าวหน้าของเขานั้นจำเป็นต้องอยู่บนสนามอย่างสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นการอยู่กับทีมที่ให้โอกาสได้ลงเตะจริงๆ ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในตอนนี้

หากคุณเป็นแฟนบอลผีแดง ก็คงต้องร่วมคำนวณกันว่า เมนู จะได้รับโอกาสจากทีมใหญ่จริงหรือไม่ หรือจะถูกย้ายออกเพื่อลงไปคอนเฟิร์มผลงานที่สโมสรใหม่ต่อไป

ที่มา – “เมนู” ยังหวังย้ายหนี “ผีแดง” ตลาดหน้าหนาว

ฝูงสิงโตรุมขย้ำหฤโหด ‘คนเลี้ยง’สยองซาฟารีเวิลด์

ฝูงสิงโตรุมขย้ำหฤโหด ‘คนเลี้ยง’สยองซาฟารีเวิลด์

เหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นที่อุทยานซาฟารีเวิลด์ เมื่อฝูงสิงโตหิวโซได้รุมขย้ำเจ้าหน้าที่หรือที่เรียกกันว่า ‘คนเลี้ยง’ ส่งผลกระทบให้สถานที่แห่งนี้ต้องปิดให้บริการชั่วคราว และมีการตรวจสอบภายในอย่างละเอียด จากการรายงานของ เดลินิวส์ 11 ก.ย. เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่เจ้าหน้าที่กำลังจอดรถเพื่อเก็บอุปกรณ์ แต่กลับถูกฝูงสิงโตรุกรวมตัวกันล้อมรอบอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความบาดเจ็บอย่างหนัก

สาเหตุของเหตุการณ์

การสืบสวนเบื้องต้นพบว่า สิงโตในฝูงอาจมีพฤติกรรมผิดปกติเนื่องจากความหิวหรือสภาวะทางจิตใจ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมหรือการดูแลที่ไม่เพียงพอ อุทยานซาฟารีเวิลด์ จึงได้ตัดสินใจทำงานตรวจสอบทั้งสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมของสัตว์ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายในอนาคต การดำเนินการยังรวมถึงการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์มาร่วมวิเคราะห์และให้คำแนะนำ

เจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บได้รับการรักษาพยาบาลทันที และขณะนี้อยู่ในสภาวะปลอดภัยแล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับทั้งเจ้าหน้าที่และผู้เข้าชม เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ในพื้นที่ดังกล่าว

ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการดูแลสัตว์

หลังจากเกิดเหตุ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประกาศปิดพื้นที่ที่เกิดเหตุชั่วคราว เพื่อประเมินความเสี่ยง ความปลอดภัย และวิธีการดูแลสัตว์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้ประกาศขอโทษผู้เข้าชมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้

ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ได้ให้ความเห็นว่า อุทยานควรพิจารณาเพิ่มพื้นที่ในการป้องกันเจ้าหน้าที่ และมีมาตรการในการเฝ้าระวังสัตว์ในเวลากลางคืนหรือเวลาที่มีความตื่นตัว การประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญจัดขึ้นเพื่อหาแนวทางเพิ่มเติมในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของสัตว์

อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปรายคือ การดูแลสัตว์ที่ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงสัตว์ราชาอย่างสิงโต ซึ่งจำเป็นต้องมีความรอบคอบเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร การมีพื้นที่พักผ่อน ตลอดจนระบบที่ไม่ทำให้สัตว์เกิดความเครียด

บทเรียนจากการรุมขย้ำครั้งนี้

จากกรณีนี้ถือเป็นเตือนใจทั้งเจ้าหน้าที่ และผู้บริหารอุทยานว่าการดูแลสัตว์ขนาดใหญ่ต้องมีมาตรฐานและมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งด้านเจ้าหน้าที่ โครงสร้างพื้นที่ และระบบการเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

นอกจากนี้ ประชาชนและนักท่องเที่ยวยังควรได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับความปลอดภัยในอุทยาน เพราะการเข้าใกล้สัตว์เหล่านี้โดยไม่มีความรู้อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

ในช่วงต่อไป คาดว่าอุทยานจะมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ รวมถึงมาตรการใหม่ที่จะนำมาใช้ เพื่อรับรองความปลอดภัยของทุกฝ่าย

เหตุการณ์ครั้งนี้อาจเป็นโอกาสให้ทุกภาคส่วนทบทวนวิธีการบริหารจัดการสัตว์ป่าอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

หากคุณเป็นผู้ที่สนใจการท่องเที่ยวในอุทยาน ควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและปฏิบัติตามคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของคุณและสัตว์ของเรา

ที่มา – เดลินิวส์ 11 ก.ย.ฝูงสิงโตรุมขย้ำหฤโหด ‘คนเลี้ยง’สยองซาฟารีเวิลด์

อุกอาจ! ดักยิงหนุ่มกู้ภัยอยุธยารวมใจเสียชีวิต

เหตุการณ์สะเทือนใจในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อ หนุ่มกู้ภัยอยุธยารวมใจ วัย 24 ปี ถูกยิงเสียชีวิตกลางถนนอย่างน่าสะพรึงกลัว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา บริเวณถนนเลียบคลอง หมู่ 5 ตำบลคลองน้อย อำเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ร.ต.ท.ปิยะพงษ์ เลิศศรีเพชร รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านแพรก พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชนะ ธีรศรัณยานนท์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านแพรก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์จากโรงพยาบาลบ้านแพรก และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

อุกอาจ! ดักยิงหนุ่มกู้ภัยอยุธยารวมใจเสียชีวิต

ที่เกิดเหตุเป็นถนนที่มืดและเงียบสงัด พบ ศพของนายศรายุธ นกจั่น หรือ “เก่ง” อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา จุดบ้านแพรก ลำดับ 318 นอนอยู่กลางถนน สภาพศพหงายหน้า สวมเสื้อโปโลสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบชนิด เข้าบริเวณลำคอทางด้านขวา 1 นัด และที่หน้าอกซ้ายอีก 1 นัด ซึ่งอยู่ใกล้กัน

ในที่เกิดเหตุยังพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีน้ำเงิน ทะเบียน 1 กรม 2780 ลพบุรีของผู้เสียชีวิต ถูกทิ้งไว้กลางถนน น่าตกใจกับการกระทำของผู้ก่อเหตุที่ไม่มีความสงสาร

พี่ชายเผยความเศร้าสลด

จากการสอบถามข้อมูล นายบัญชา นกจั่น อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของผู้เสียชีวิต ได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังด้วยน้ำตาคลอว่า น้องชายเป็นหนุ่มที่ทำงานเต็มที่เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยทำงานอาสากู้ภัยอยู่ในมูลนิธิที่แตกต่างจากตนเอง วันนั้นก่อนเกิดเหตุ เพียงแค่บอกกับครอบครัวว่า “กำลังจะได้งานทำแล้ว ฝากดูแลแม้ด้วยนะ” ความเศร้าสลดจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อต้องมาเก็บร่างของน้องชายด้วยตัวเอง

พ.ต.อ.ชนะ ธีรศรัณยานนท์ ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรบ้านแพรก ได้เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวคาดว่ามีการพูดคุยกันก่อนที่จะถูกยิง เนื่องจากสภาพที่เกิดเหตุไม่พบความพยายามหลบหนี พร้อมเปิดเผยว่า ตำรวจได้ลงพื้นที่ติดตามผู้ก่อเหตุอย่างเต็มกำลัง และได้เก็บหลักฐานสำคัญไว้เพื่อส่งสำนวนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

  • สถานที่เกิดเหตุ: ถนนเลียบคลอง หมู่ 5 ต.คลองน้อย อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา
  • ผู้เสียชีวิต: นายศรายุธ นกจั่น อายุ 24 ปี (เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย)
  • อาวุธที่ใช้: ปืนไซส์ไม่ทราบ
  • จำนวนแผลถูกยิง: 2 นัด
  • รายละเอียดพิเศษ: พี่ชายเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยเช่นกัน

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตของหนุ่มกู้ภัย แต่ยังเป็นปัญหาต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง หลายคนต้องสะเทือนใจ และตั้งคำถามว่า ทำไมคนที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์กลับถูกตอบแทนด้วยการสังหารเลือดเย็น

งานสอบสวนยังคงดำเนินต่อ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความยุติธรรมจะได้รับ

คุณคิดอย่างไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้? ร่วมแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ด้านล่าง

ที่มา – อุกอาจ! ดักยิงหนุ่มกู้ภัยอยุธยารวมใจ เสียชีวิตกลางถนนคารถจยย.กู้ชีพ

เรื่องน่ารู้ : อัญชัน

อัญชัน เป็นไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ซึ่งใช้ยอดเลื้อยพันและมีขนปกคลุมทั่วทั้งลำต้น ใบของ อัญชัน จะจัดเรียงเป็นใบประกอบแบบขนนก ตรงข้ามกัน ความยาวประมาณ 6-12 เซนติเมตร โดยมีใบย่อยรูปไข่จำนวน 5-7 ใบ มีขนาดกว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 3-5 เซนติเมตร ปลายใบแหลมและโคนใบมน ผิวด้านล่างของใบมีขนหนาปกคลุม

เรื่องน่ารู้ : อัญชัน

ดอกของ อัญชัน จะออกเป็นดอกเดี่ยวสีขาว ฟ้า และม่วง มีรูปทรงคล้ายฝาหอยเชลล์ โดยออกดอกเป็นคู่ตามซอกใบ กลีบดอกมีทั้งหมด 5 กลีบ โดยมีขนาด 2.5-3.5 เซนติเมตร กลีบคลุมมีลักษณะเป็นรูปวงกลม ปลายเว้าเป็นแอ่งตรงกลางมีสีเหลือง มีทั้งดอกซ้อนและดอกลา สำหรับดอกชั้นเดียวจะมีกลีบชั้นนอกขนาดใหญ่กว่า ซึ่งมีกลางกลีบเป็นสีเหลือง ส่วนกลีบชั้นในจะขนาดเล็กกว่า แต่ในดอกซ้อนกลีบดอกจะมีขนาดเท่ากัน ซ้อนกันเป็นเกลียว

ลักษณะของอัญชัน

อัญชันออกดอกได้เกือบทั้งปี ผลแห้งของมันเมื่อสุกแล้วจะแตกออกเป็นฝักแบน ซึ่งจะกว้างประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร เมล็ดของอัญชันจะมีลักษณะเป็นรูปไต มีสีดำ และจะมีจำนวนประมาณ 5-10 เมล็ดต่อหนึ่งฝัก

จากลักษณะดังกล่าว เราจะเห็นได้ว่า อัญชัน เป็นพืชที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านรูปลักษณ์และลักษณะการเจริญเติบโต ซึ่งแม้จะเป็นไม้เลื้อยที่มีอายุสั้น แต่มีความสวยงามในทุกมิติ โดยเฉพาะดอกที่มีความงามแบบคลาสสิกที่คนรักพืชไม่ควรพลาด

หากคุณกำลังมองหาต้นไม้ที่สามารถปลูกในกระถางหรือในสวนเพื่อตกแต่งได้อย่างสวยงาม อัญชันอาจจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและน่าสนใจ เพราะนอกจากจะให้ดอกได้ตลอดทั้งปี แล้วยังมีรูปลักษณ์ที่งดงามมากที่สุดในหมู่พืชเลื้อย

พืชชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยากได้ดอกสวย ๆ ดูแบบใกล้ชิด แต่ไม่มีเวลาดูแลแบบต้องใช้เวลายาวนาน เพราะ อัญชัน เป็นพืชที่มีลักษณะเติบโตรวดเร็ว และให้ดอกได้ตลอด

หากคุณสนใจอยากปลูก อัญชัน ไว้ในสวนหรือในบ้าน ควรเตรียมสภาพดินให้ระบายน้ำดี และมีแสงแดดพอสมควร เพื่อให้ต้นเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์

ด้วยความสวยงามและความแปลกตาของอัญชัน ทำให้พืชนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนรักต้นไม้ ไม่ว่าจะปลูกเพื่อประดับหรือเพื่อศึกษา และหากคุณยังไม่เคยลองปลูก อัญชัน มาก่อน เราขอแนะนำว่าควรลองเพิ่มมันเข้ามาในสวนของคุณดู

ที่มา – เรื่องน่ารู้ : อัญชัน

เบนซ์ เรซซิ่ง วิเคราะห์ทักษิณ 3 ข้อสรุปติดคุกจริงกี่เดือน?

ล่าสุดกรณีอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่เพิ่งถูกศาลฎีกาออกคำสั่งให้รับโทษจำคุก 1 ปีเต็ม ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในวงการโซเชียล และมีหลายคนให้ความสนใจว่าจะต้องเข้าเรือนจำจริงกี่เดือน ล่าสุด “เบนซ์ เรซซิ่ง” ได้ออกมาวิเคราะห์ตามหลักเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ พร้อมกับระบุไว้ 3 ข้อสรุปที่น่าสนใจ

เบนซ์ เรซซิ่ง วิเคราะห์ทักษิณ 3 ข้อสรุป

โดยเบนซ์ เรซซิ่งได้ระบุใจความสำคัญไว้ในโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ร่วมวิเคราะห์ว่าคำสั่งของศาลนั้นกำหนดให้ทักษิณต้องเข้าเรือนจำแบบเด็ดขาดเป็นระยะเวลา 1 ปี หรือ 12 เดือน ตามหลักเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ เมื่อเริ่มต้นจะอยู่ในชั้น “กลาง” (แม้ไม่ได้ระบุว่าจะถูกจำแนกตามประเภทอาชญากรรม)

รายละเอียดระบบชั้นผู้ต้องขัง

ในระบบของเรือนจำไทยจะแบ่งระดับผู้ต้องขังเป็น 6 ชั้น ได้แก่

  • ชั้นเยี่ยม
  • ชั้นดีมาก
  • ชั้นดี
  • ชั้นกลาง (จุดเริ่มต้นสำหรับนักโทษใหม่)
  • ชั้นปรับปรุง (“เลว”)
  • ชั้นปรับปรุงมาก (“เลวมาก”)

เบนซ์ เรซซิ่ง วิเคราะห์ว่าในช่วง 3 เดือนแรก ทักษิณสามารถคงอยู่ในชั้นกลาง และอาจเลื่อนไปอยู่ชั้น “ดี” เมื่อครบ 4 เดือนแรก จากนั้นจึงสามารถเลื่อนชั้นต่อไปเรื่อย ๆ ได้ตามเกณฑ์ ซึ่งอาจถึงชั้น “ดีมาก” ภายใน 8 เดือนหลังจากเข้าเรือนจำ

條件การพักการลงโทษตามกฎหมาย

การพักโทษหรือปล่อยตัวก่อนครบกำหนดนั้น อิงตามหลักเกณฑ์การให้โทษของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเบนซ์ เรซซิ่ง ได้แสดงให้เห็นว่า หากทักษิณไม่สามารถเข้าเกณฑ์พิเศษใด ๆ แล้ว เขาจะต้องใช้เวลาในเรือนจำอย่างน้อย 2 ใน 3 ของเวลาโทษ หรือประมาณ 8-9 เดือน จึงสามารถขอพักการลงโทษได้

ในทางตรงกันข้าม หากทักษิณสามารถเข้าเกณฑ์กรณีพิเศษ เช่น เป็นผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป หรือมีโรคประจำตัวรุนแรง เขาอาจสามารถขอพักโทษได้ภายในเวลาเพียง 6 เดือน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของเวลาโทษ

โอกาสพิเศษอาจจะเร็วกว่านี้

อย่างไรก็ตาม เบนซ์ เรซซิ่ง ยังกล่าวอีกด้วยว่า ทักษิณมีโอกาสที่จะได้รับการพักโทษก่อนเวลานั้นหากสามารถแสดงความประพฤติดี มีความก้าวหน้าทางด้านการศึกษา อบรมอาชีพ หรือทำประโยชน์อันควรแก่การเป็นพิเศษระหว่างอยู่ในเรือนจำ ซึ่งอาจทำให้ได้รับสิทธิพักโทษตามทางเลือก EM หรือถูกคุมขังภายนอกเรือนจำได้เช่นกัน

ดังนั้นจากทั้งหมดนี้ การวิเคราะห์ของเบนซ์ เรซซิ่ง วิเคราะห์ทักษิณ ให้แนวทางชัดเจนว่าแม้จะถูกตัดสินอย่างเด็ดขาด 1 ปี แต่ก็มีทางเลือกหลายทางที่อาจทำให้รับโทษจริงน้อยกว่าจำนวนเดือนที่กำหนด

สมมุติว่าหากทักษิณเข้าเรือนจำในเดือนกันยายนปี 2568 ก็อาจสามารถขอพักโทษได้ภายในเดือนมีนาคมถึงมิถุนายนปี 2569 ขึ้นอยู่กับการประพฤติตัวระหว่างอยู่ในเรือนจำและการพิจารณาของเจ้าหน้าที่

เบนซ์ เรซซิ่ง 10 กันยายน 2568 ก็ได้สรุปไว้เช่นนี้ว่า ทักษิณ ชินวัตร ไม่จำเป็นต้องอยู่เรือนจำทั้งหมด 1 ปี เพราะมีกฎระเบียบที่ช่วยให้สามารถย่อโทษได้ หากเข้าเกณฑ์ตามกฎหมายที่มีอยู่

หากคุณกำลังติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับกรณีนี้ ควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายการพักการลงโทษ ซึ่งอาจช่วยให้เข้าใจโครงการของรัฐในการให้โอกาสผู้ต้องขังที่ประพฤติเหมาะสม ในการปรับปรุงตัวและกลับเข้าสู่สังคมได้

ที่มา – เปิดหลักเกณฑ์ ‘เบนซ์ เรซซิ่ง’ วิเคราะห์ ‘ทักษิณ’ 3 ข้อสรุปติดคุกจริงกี่เดือน?

โวล์ฟสบวร์กยืนยันคว้าอีริคเซนร่วมทัพแล้ว

โวล์ฟสบวร์กหรือที่แฟนบอลไทยรู้จักในชื่อ “หมาป่าเมืองเบียร์” ยืนยันอย่างเป็นทางการว่าคว้าตัวคริสเตียน อีริคเซน มิดฟิลด์ทีมชาติเดนมาร์กมาร่วมทัพด้วยสัญญา 2 ปี จนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2027 หลังหมดสัญญากับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

โวล์ฟสบวร์กคว้าตัวอีริคเซนแบบไร้ค่าตัว

อีริคเซนวัย 33 ปี ซึ่งเคยเป็นแกนหลักสำคัญของสเปอร์ส และทีมชาติเดนมาร์กมานาน ได้จากลุ้นความล้มเหลวของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยมีข่าวว่ายังได้รับความสนใจจากทีมอื่น ๆ อย่างเร็กซ์แฮม แต่สุดท้ายก็เลือกย้ายมาซบ “หมาป่าเมืองเบียร์” ด้วยสัญญาระยะยาว 2 ปี

ภารกิจใหม่ของอีริคเซน

ฉลุยในสงครามยุโรป ช่วยลดภาระให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นได้มาก แถมยังมีประสบการณ์มากมายจากทั้งทีมชาติและสโมสรก่อน ๆ อีริคเซนถือเป็นควีนส์เมืองเบียร์รายใหญ่คนใหม่ จากการสวมเสื้อหมายเลข 24 กับบ้านใหม่แห่งสนามโฟล์กสวาเกน อารีนา

สำหรับผู้เล่นค่าฉีกสูงที่เพิ่งเพิ่มมาในฤดูกาลนี้ หลายคนคาดว่า อีริคเซนจะเข้ามาแทรกซ้อนกับตำแหน่งที่เน้นการเหนี่ยวรั้งเกมและสร้างเกมให้อีกคนหนึ่งของ “หมาป่าเมืองเบียร์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมรุก โดยประสบการณ์ระดับแชมเปียนส์ลีกพร้อมประสบการณ์จากสนามต่าง ๆ ถือเป็นแอสเซ็ทสำคัญของเขานอกจากทักษะเฉพาะตัว

  • ข่าวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • อีริคเซนหมดสัญญาแมนยูมาตั้งแต่ต้นปี
  • เคยโดนแบนนานเนื่องจากเรื่องสุขภาพหัวใจก่อนหน้านี้
  • ช่วยสเปอร์สเข้าถึงแชมเปียนส์ลีกหลายครั้ง

ขณะนี้ หมาป่าเมืองเบียร์ กำลังมีผลงานแข่งขันที่น่าสนใจในศึกบุนเดสลีก้า และการได้อีริคเซนเข้ามาเสริมทัพในแนวรุกรับถือเป็นการเติมเต็มทีมได้เป็นอย่างดี และหากเขาสามารถพัฒนาความฟิตในช่วงเดือนแรกได้ น่าจะกลายเป็นตัวจริงอย่างแท้จริงได้แล้ว

เราต้องคอยดูกันอีกครั้งว่า “หมาป่าเมืองเบียร์” จะนำความสามารถของอีริคเซนมากฝีมือมาวางระบบเกมของทีมชุดใหม่ได้อย่างไร หากแต่ความทรงจำและผลงานของเจ้าตัวนั้น ย่อมทำให้มั่นใจได้อยู่แล้วว่าอนาคตของเขาที่บ้านใหม่น่าจะน่าสนใจโปรแกรมยังไงก็แล้วแต่

อ่านข่าวเพิ่มเติม: ติดตามการย้ายทีมของนักเตะรายใหญ่ได้ตลอดที่เว็บไซต์ข่าวฟุตบอลของคุณ

ที่มา – “หมาป่าเมืองเบียร์” ยืนยันคว้า “อีริคเซน” ร่วมทัพ

ฝรั่งเศสระอุ! ชุมนุมปิดถนน ปะทะเดือดตำรวจ ไม่พอใจรัฐบาลตัดงบ-เปลี่ยนนายกฯ

เมื่อวันที่ 10 กันยายน ฝรั่งเศสเกิดเหตุการณ์ชุมนุมขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ผู้ประท้วงหลายหมื่นคนรวมตัวกันเดินขบวนปิดถนน พร้อมก่อเหตุให้เกิดความรุนแรงขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประเด็นนี้เกิดขึ้นเนื่องจากประชาชนไม่พอใจอย่างแรงกล้าต่อแผนการตัดลดงบประมาณของรัฐบาล และการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ฝรั่งเศสระอุ! ชุมนุมปิดถนน ปะทะเดือดตำรวจ ไม่พอใจรัฐบาลตัดงบ-เปลี่ยนนายกฯ

หลายประชาชนรวมตัวกันในชื่อแคมเปญ “Block Everything” โดยเลือกใช้วิธีประท้วงสายรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการเผาถังขยะยัดใส่ถนน เดินขบวนบล็อกทาง และส่งเสริมให้เกิดปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งส่งผลให้มีรายงานผู้ถูกจับกุมมากกว่า 200 คน

ปัญหาทางการเมืองลุกลาม

ภาพลักษณ์ของฝรั่งเศสในครั้งนี้ต้องเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างชัดเจน โดยมาตรการลดงบประมาณและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้นำของประเทศภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรู ทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างลุกลามในกลุ่มคนรุ่นใหม่

“ฝรั่งเศสระอุ! ชุมนุมปิดถนน ปะทะเดือดตำรวจ ไม่พอใจรัฐบาลตัดงบ-เปลี่ยนนายกฯ” กลายเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นต่อรัฐบาล

  • ชุมนุมทั่วประเทศในวันเดียว
  • ภาพลักษณ์รัฐบาลใกล้จุดวิกฤต
  • แคมเปญ Block Everything ขยายศูนย์กลางเมือง
  • ผู้ถูกจับกุมกว่า 200 คน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลจะיקיםมาตรการควบคุมสถานการณ์อย่างเต็มที่ แต่นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งทางการเมืองที่ลุกลามอย่างรุนแรงในอนาคตรัฐบาลจำเป็นต้องสื่อสารกับประชาชนอย่างเปิดเผยและโปร่งใสเพื่อป้องกันการระเบิดของความไม่พอใจในอนาคต

ในทางการเมือง การตัดสินใจบางอย่างอาจใช้เวลาในการประเมินว่ามีผลดี-เสียอย่างไร แต่มิควรเพิกเฉยต่อเสียงประชาชนมากเกินไป เพราะเสียงของคนคือตัวแทนความยุติธรรมที่แท้จริง

ที่มา – ฝรั่งเศสระอุ! ชุมนุมปิดถนน ปะทะเดือดตำรวจ ไม่พอใจรัฐบาลตัดงบ-เปลี่ยนนายกฯ

‘นักเลงพัทยา’ รุมทำร้ายหนุ่มโบลท์ต่อหน้าชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา ร.ต.ท.อนิรุจน์ เจ๊ะเหาะ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย 2 คน ได้แก่ นายสุทัศน์ อายุ 25 ปี และนายศุภโชค อายุ 20 ปี ว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 7-8 คน บุกเข้าทำร้ายและทำลายทรัพย์สิน บริเวณตึกเช่าหน้าเคหะเทพประสิทธิ์ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

‘นักเลงพัทยา’ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย

นายสุทัศน์ เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพขับโบลท์ และขณะนั่งรอแฟนสาวอยู่หน้าตึกเช่า จู่ ๆ ก็มีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาหลายคัน พร้อมพกพาอาวุธมีดและไม้เบสบอล แล้วเข้ามาทำร้ายร่างกายเขาและเพื่อน โชคดีที่เขาสามารถหลบหนีได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้ใจสั่น ผู้ก่อเหตุไม่เพียงแต่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น ยังใช้อาวุธฟันใส่โทรศัพท์มือถือและรถจักรยานยนต์จนเสียหาย พร้อมกับข่มขู่ว่า “ถ้าเจออีกเจอกูแน่!” ต่อหน้าชาวบ้านที่ออกมาดูเหตุการณ์

ความขัดแย้งเริ่มต้นแค่กับแฟนสาวคนใหม่

น่าสนใจว่า ผู้เสียหายเพิ่งย้ายมาจากจังหวัดระยองมาทำงานขับโบลท์ในพื้นที่พัทยา พร้อมทั้งมีแฟนสาวคนใหม่เพียง 2 วัน ซึ่งเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าแฟนสาวเคยคบหากับหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุ การที่มักถูกอีกฝ่ายมองหน้าตลอด 2 วันที่ผ่านมา คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และแล้วก็กลายเป็นเหตุการณ์รุนแรงในวันนี้

จากหลักฐานกล้องวงจรปิดที่ตำรวจสามารถรวบรวมมาได้ พบว่าภาพกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบรูปร่าง หน้าตา และข้อมูลของคนร้ายได้เป็นอย่างดี

  • ผู้ก่อเหตุมีจำนวน 7-8 คน
  • ใช้อาวุธมีดและไม้เบสบอลในการทำร้าย
  • ทำลายทรัพย์สินของผู้เสียหาย
  • ลักไก่ต่อหน้าประชาชน

ในตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.เมืองพัทยา ได้เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุทุกราย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ เพราะไม่มีวันที่ความรุนแรงและการกระทำผิดกฎหมายจะถูกละเลย

กรณีนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าความรุนแรงในสังคมไม่เลือกสถานที่ และเราทุกคนไม่ควรมองข้ามเมื่อมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้น เพราะการเงียบงัน อาจกลายเป็นการเปิดทางให้ความรุนแรงลุกลามได้

หากคุณเคยพบเห็นเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงหรืออาชญากรรม อย่าลังเลที่จะร้องเรียนเจ้าหน้าที่ เพราะการมีส่วนร่วมของประชาชน คือพลังสำคัญที่จะช่วยให้สังคมปลอดภัยยิ่งขึ้น

ที่มา – ‘นักเลงพัทยา’ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ยกพวกกระทืบหนุ่มโบลท์ต่อหน้าชาวบ้าน

‘พระพยอม’ ติงแรงเพราะเข้าคุกไปเยอะแล้ว ฝากถึง ‘อ.เอ จักรพรรดิ’ อย่าคิดว่าเป็นผู้วิเศษ

กรณีล่าสุดที่ได้รับความสนใจจากประชาชนคือการที่ อาจารย์ เอ จักรพรรดิ ได้ออกมาโพสต์คลิปเกี่ยวกับพิธีล้างดวงและอภิเษกดวงใหม่ผ่านน้ำอมฤตที่ประเทศอินเดีย พร้อมอ้างว่าทันทีหลังเข้าร่วมพิธี เพียงแค่ 2 วัน ก็มีผู้เข้าร่วมพิธีที่ส่งข่าวดีมาให้ทีมงานมากมาย เช่น การค้าขายสำเร็จ การขายที่ดินสำเร็จ ฯลฯ

‘พระพยอม’ ติงแรงเพราะเข้าคุกไปเยอะแล้ว

เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ทีมข่าวได้เดินทางไปที่ วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามความเห็นจากพระ พยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัด เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งพระพยอมได้ออกมาติแรงว่า การที่คนส่วนใหญ่หลงเชื่อว่าความร่ำรวยจะเกิดขึ้นได้จากการทำพิธีเสริมดวง ถือเป็นความเชื่อที่ผิดๆ เพราะในความเป็นจริงแล้วความร่ำรวยนั้น เกิดจากความขยัน ความฉลาด และความเพียร ไม่ใช่ผลจากพิธีกรรมใดๆ

อย่าคิดว่าเป็นผู้วิเศษ เพราะผู้วิเศษก็ต้องเข้าคุก

พระพยอมกล่าวว่า หลวงพ่อพุทธทาสเคยกล่าวไว้ในบทกลอนว่า “เราดี ดีกว่าดวงดี เพราะดีมีที่เราดีกว่ามีที่ดวง” หากนำบทกลอนนี้มาพิจารณาให้ดี คงไม่จำเป็นต้องวิ่งไปทำพิธีที่ไหน เพราะคุณสมบัติที่ดีด้วยตัวเองนั้นสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการขยันทำงานด้วยความคิดสร้างสรรค์ รู้จักวางแผน และปฏิบัติตัวด้วยความซื่อสัตย์ จริงจัง

ท่านย้ำว่า “ถ้าคุณแท้จริงทำดี มันจะเป็นดาวนำโชคของตนเอง” ไม่ใช่เพียงแค่ดาวที่ดวงได้” เพราะหากเราไม่ทำงาน ไม่ขยัน แค่ไปขอพรหรือล้างดวง ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็ไม่มีทางไต่เต้าให้หลุดพ้นจากความจนได้

ระวังผู้เสแสร้งแกล้งสวมรอยเป็นผู้วิเศษ

  • คนส่วนใหญ่มักเห็นปรากฏการณ์แปลกๆ เช่น น้ำดำไหลออกมา (ซึ่งอาจมีสารเคมีหรืออุปกรณ์อยู่ข้างใน)
  • ต้องระวังผู้ที่แกล้งสวมรอยเป็นผู้มีพลัง แต่แท้จริงคือบุคคลที่ต้องการหลอกลวงความเชื่อของผู้บริโภค
  • ในอดีตมี “ผู้วิเศษ” หลายคนที่ตกอยู่ในข่ายหลอกลวงจนเข้าคุก
  • พระพยอมระบุว่า เขาเองเคยเห็นและตรวจพบว่าสิ่งที่เรียกว่า “พลังขลัง” เหล่านั้น มีการแต่งตั้งแกนหลักให้ลุกลามเป็นธุรกิจหลอกลวง

ในทางธรรมะที่แท้จริง สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไว้คือ ให้ประชาชนเชื่อใน “กรรมวาที” และ “วิริยวาที” หรือเชื่อในผลแห่งกรรม และความเพียรของตนเองเท่านั้น เพราะความเพียรถือเป็นวิถีทางที่พาเราข้ามพ้นทุกข์ได้ ไม่ใช่การพึ่งพิธีกรรม การเสริมดวงแบบฉาบฉวยเช่นนี้

ท่านกล่าวว่า “ถ้าพิธีกรรมมันดีจริง คนทำงานมันคงจะไม่มาก่อน ใครไม่ขยัน ไม่ทำงาน คนรวยเขาไม่ต้องไปทำพิธีกันแบบนั้นหรอก” ต่างคนก็ใช้ชีวิตอย่างมีหน้าที่ มีความรับผิดชอบ กับชีวิตของตนเอง ไม่ต้องถือว่าใครเป็นผู้วิเศษ “เพราะผู้วิเศษเข้าคุกตารางไปเยอะแล้ว” อย่าไปหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อ

อย่างน้อยก็ให้ประชาชนรู้ไว้ว่า ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่าย บ่อยครั้ง “น้ำดำที่เกิดขึ้น” หรือ “ปรากฏการณ์ลึกลับ” ที่เกิดขึ้นในพิธีต่างๆ อาจไม่ใช่ธรรมชาติ แต่มีระบบที่ซ่อนอยู่ ควรระวัง เพราะใครไม่เฝ้าระวัง อาจเสียเงิน เสียทรัพย์ และเสียชื่อเสียงไปเปล่าๆ

ขอบคุณข้อคิดดีๆ จาก พระพยอม กัลยาโณ ที่เตือนสติผู้คนให้กลับมาใช้เหตุผลมากกว่าความเชื่อไม่เป็นที่สิ้นสุด และสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนี้ได้ที่นี่

ที่มา – ‘พระพยอม’ ติงแรงเพราะเข้าคุกไปเยอะแล้ว ฝากถึง ‘อ.เอ จักรพรรดิ’ อย่าคิดว่าเป็นผู้วิเศษ

บอส เอวหวาน อวยพรวันเกิดตัวเอง เข้าใจคนที่เดินออกจากชีวิต

นับเป็นการเริ่มต้นใหม่ในชีวิตเลยก็ว่าได้ สำหรับ บอส เอวหวาน อดีตแดนเซอร์ที่หลายคนรู้จักจากดราม่ากับนักร้องสาว ลำไย ไหทองคำ ซึ่งล่าสุดเขาได้โพสต์ภาพฉลองวันเกิดอย่างเรียบง่าย ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติกในยามค่ำคืน

บอส เอวหวาน อวยพรวันเกิดตัวเอง เข้าใจคนที่เดินออกจากชีวิต

ในโพสต์ดังกล่าว บอส เอวหวาน ได้ใช้โอกาสนี้เขียนข้อความที่สะท้อนถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งภูมิใจในตัวเองที่ผ่านปี 2025 ด้วยการทำหลายสิ่งหลายอย่าง และรู้สึกขอบคุณคนที่ยังคงอยู่เคียงข้างเขา รวมถึงแสดงความเข้าใจต่อคนที่เลือกเดินออกจากชีวิตเขา

ย้อนรอยใจคนในวันเกิด

“09/09/2025 ปีนี้ได้ทำอะไรหลายอย่างเยอะมาก ไม่รู้จะเริ่มจากอะไรก่อนเลย แต่เดี๋ยวจะเอามาไล่ลงและเก็บไว้เป็นเมมโมรี่ให้ตัวเองไว้ดูย้อนหลัง อยากขอบคุณคนที่เข้ามาและคนที่ยังอยู่กับผมตรงนี้มากๆเลยครับ ส่วนคนที่เลือกจะห่างจากผม ตัวผมเองก็เข้าใจและ Respect ทุกคนเสมอครับ” บอสกล่าวในข้อความของเขา

เขาบอกอีกว่า “ผมเองก็ให้ความจริงใจกับทุกคนตลอดและเต็มที่กับความจริงใจที่ผมมีให้อยู่เสมอมา แต่ใครที่ไม่โอเคหรือไม่เข้าใจในตัวผมกับสิ่งที่ผิดพลาดไป ผมเองก็น้อมกับสิ่งที่ทุกคนเลือกครับ” ถ้อยคำเหล่านี้สะท้อนถึงความเป็นผู้ใหญ่และการยอมรับผิดพร้อมให้อภัย

ลำไย ไหทองคำ โผล่กดไลก์โพสต์ของบอส

ที่น่าจับตามองคือ หลังจากที่ บอส เอวหวาน อวยพรวันเกิดตัวเอง นักร้องสาว ลำไย ไหทองคำ ได้เข้ามากดไลก์โพสต์นั้นทันที ก่อให้เกิดกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนคลับและสื่อมวลชน

หลายคนตีความว่าเป็นสัญญาณของความสงบหรือการปลอบใจ อย่างไรก็ตามยังมีเสียงบางส่วนที่ว่าอาจจะเป็นการเปิดฉากใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอีกด้วย ทั้งนี้คงต้องรอดูความเคลื่อนไหวต่อไปของทั้งคู่

แฟนคลับแห่อวยพรวันเกิด

  • “สุขสันต์วันเกิดนะครับ ขอให้น้องบอสมีความสุขมากๆ ในปีนี้”
  • “HBD ขอให้มีความสุขมากๆ มีแต่รอยยิ้ม และสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตนะคะ”
  • “ขอให้ปีใหม่เป็นปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ของบอสนะคะ”

เครือข่ายโซเชียลมีเดียของ บอส เอวหวาน เต็มไปด้วยข้อความอวยพรวันเกิดที่น่ารักและอบอุ่นจากแฟนคลับ ซึ่งดูเหมือนว่าหลายคนยังคงสนับสนุนเขามาจนถึงทุกวันนี้

จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าการเติบโตของบุคคลต่อประสบการณ์ในชีวิต ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขารู้จักการให้อภัย เข้าใจ และรักตัวเองมากขึ้น นี่คือความหมายแห่ง “การเริ่มต้นใหม่” ที่แท้จริง ทั้งในใจและจิตใจ

และใครที่ยังไม่แน่ใจว่า บอส เอวหวาน จะเดินต่อไปในทางไหนในปีหน้า อย่างน้อยเขาก็เปิดโอกาสให้คนใกล้ตัวและแฟนคลับได้เข้าใจเขาในมุมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นผ่านแต่ละข้อความ

รู้หรือไม่ว่าบางครั้งคำพูดง่ายๆ สามารถสร้างพลังให้ใครหลายคนได้? หากคุณกำลังมองหาแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นใหม่ในชีวิต บอส เอวหวาน อาจเป็นหนึ่งในแบบอย่างที่คุณควรติดตาม

ที่มา – ‘บอส เอวหวาน’ อวยพรวันเกิดตัวเอง เข้าใจคนที่เดินออกจากชีวิต ‘ลำไย ‘ โผล่กดไลก์ทันที