‘ครูสาว’ หวั่นคดีเงียบ ตร.เมาซิ่งชนแล้วหนี

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.จุ๋ม อายุ 47 ปี ชาว อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ครูโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.หนองหาน แจ้งว่ารถเก๋งตนเองถูกรถกระบะเฉี่ยวชน แต่คู่กรณีขับหลบหนี เมื่อขับตามไปทันกัน ก็ลงมาเจรจาไกล่เกลี่ย พบว่าเป็นชายแต่งกายคล้ายตำรวจ สวมชุดครึ่งท่อน พกอาวุธปืน พูดจาอ้อแอ้ เมื่อโทรเรียกประกัน อีกฝ่ายกลับขึ้นรถก่อนขับรถหลบหนีไปดื้อ ๆ เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.03 น. วันที่ 31 ตุลาคม 2568 แจ้งความแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้าเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยมีกล้องหน้ารถบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้

โดยเหตุเกิดบริเวณแยกไฟแดง ถนนอุดรธานี – สกลนคร ตัดกับ ถนนทางหลวง 2312 หรือ สี่แยกหนองหาน ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายขับรถเก๋ง ฮอนด้า ซิตี้ ทะเบียน 8883อุดรธานี มีแฟนหนุ่มเป็นคนขับ โดยก่อนจะถึงแยกพบว่าเป็นไฟแดง จึงชะลอความเร็วลง พอสัญญาณเปลี่ยนเป็นไฟเขียว จึงเร่งเครื่องต่อ จังหวะนั้นได้มี รถกระบะ อีซูซุ ดีแม็กซ์ สีดำ ทะเบียน ผก 3084 จังหวัดไม่ชัดเจน เนื่องจากป้ายทะเบียนเลือนราง เฉี่ยวชนกับรถเก๋งผู้เสียหาย พอรถกระบะขับหนี จึงไล่ติดตามจนมาทันกันที่ถนนศรีสุข ในตัว อ.หนองหาน และจอดรถเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยกัน

คนขับรถกระบะ เดินเซลงจากรถมา แต่งตัวครึ่งท่อนคล้ายตำรวจ มีซองมือถือ และซองใส่ปืนสั้น เหน็บอยู่ที่เอว จากนั้นแฟนหนุ่มของ น.ส.จุ๋ม ได้เดินลงจากรถเพื่อพูดคุยกัน และขณะกำลังโทรเรียกบริษัทประกันภัยมาที่เกิดเหตุ ชายที่แต่งกายคล้ายตำรวจได้เดินกลับขั้นรถกระบะ แล้วรีบขับหลบหนีไปทันที เมื่อตัวแทนบริษัทประกันมาถึง ได้แนะนำให้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองหาน เพื่อติดตามตัวชายรายนี้มารับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น

น.ส.จุ๋ม กล่าวอีกว่า ตนไปทำธุระที่ จ.ขอนแก่น ขากลับได้ขับมาตามเส้นทาง เพื่อกลับบ้านในตัว อ.หนองหาน เมื่อเกิดการเฉี่ยวชนขึ้นแล้ว รถกระบะก็ขับหลบหนี ไม่จอดรถเพื่อมารับผิดชอบในที่เกิดเหตุทันที ตนจึงบอกแฟนให้ขับตามไปอย่างติด ๆ ทั้งตีไฟสูง และบีบแตรใส่เป็นระยะ เมื่อเขายอมจอด ตอนแรกพวกตนก็ยังไม่กล้าเปิดรถลงไป เพราะเห็นเขาแต่งตัวตำรวจครึ่งท่อน กางเกงสีกากี เสื้อยืดสีขาวที่อกสกรีนตราโล่ชัดเจน และพกปืนลงมาด้วย ทำให้พวกตนตกใจกลัว

“…เมื่อเขาเดินเซมาที่รถเก๋งตน ก็เปิดกระจกถามว่า ขับรถมาเบียดรถตนทำไม มันเกิดอุบัติเหตุ ตำรวจคนนั้นพูดด้วยเสียงอ้อแอ้ว่า ชนตอนไหน ตรงไหน ไม่รู้เรื่อง ตนก็บอกว่าตรง สี่แยกสักครู่นี้ไง เขาก็นิ่งไปสักพัก เราก็ถามเป็นตำรวจใช้มั้ย เขาก็บอกว่าใช่ เป็นตำรวจอยู่ สภ.หนองหาน ค่าเสียหายเท่าไหร่ให้คิดมาเลย จากนั้นแฟนตนก็ลงไปพูดคุยด้วย และโทรหาประกัน สักพักตำรวจคนนั้นได้ขึ้นไปบนรถตัวเองและขับหลบหนีไปทันที…” น.ส.จุ๋ม กล่าวและเผยต่อว่า

พอประกันมาถึง ก็พากันไปแจ้งความที่ สภ.หนองหาน รถตนเป็นรถใหม่ เพิ่งจะผ่อนได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น ประกันก็เป็นประกันชั้น 1 ตั้งแต่แจ้งความไว้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ตนกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม อยากให้เขามารับผิดชอบในเรื่องนี้ อยากให้เป็นคดีตัวอย่าง เขาจะได้ไม่ดื่มเหล้าจนเมาและขับแบบนี้อีก โชคดีว่าแค่รถเราเสียหาย ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด หากเขายังดื่มแล้วขับแบบนี้อีก อาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ในอนาคต และอยากให้ผู้บริหารโรงพักตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย เพราะเขายังไม่ได้มาแสดงตัวรับผิดชอบเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง.

‘ครูสาว’ ร้องสื่อ หวั่นคดีเงียบ เหตุ ‘ตร.’ เมาซิ่งกระบะเฉี่ยวเก๋งเผ่นหนี กล้องหน้ารถจับภาพชัด

จากกรณีดังกล่าว ‘ครูสาว’ ผู้เสียหายได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชน หวั่นเกรงว่าคดีจะเงียบหายไป เนื่องจากตำรวจคู่กรณีซึ่งอยู่ในอาการเมาสุรา ได้ขับรถกระบะเฉี่ยวชนรถเก๋งของเธอแล้วหลบหนีไป กล้องหน้ารถสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และต้องการให้ตำรวจคู่กรณีออกมารับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

ความคืบหน้าของคดี ‘ครูสาว’

ถึงแม้ว่า ‘ครูสาว’ จะได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ทำให้เธอเกิดความกังวลใจว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร และอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างที่ควรจะเป็น เธอจึงตัดสินใจร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เพื่อให้เรื่องราวของเธอได้รับความสนใจ และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีกับตำรวจคู่กรณีอย่างจริงจัง

เหตุการณ์ที่ ‘ครูสาว’ ต้องเผชิญนั้น สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการเมาแล้วขับที่ยังคงเป็นภัยร้ายบนท้องถนนของประเทศไทย การกระทำของตำรวจคู่กรณีไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดกฎหมาย แต่ยังเป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อองค์กรตำรวจ

ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับกรณีของ ‘ครูสาว’ และดำเนินการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย และเพื่อเป็นตัวอย่างให้สังคมเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง

หวังว่าเรื่องราวของ ‘ครูสาว’ จะเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนตระหนักถึงอันตรายของการเมาแล้วขับ และร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยบนท้องถนน

ที่มา – ‘ครูสาว’ ร้องสื่อ หวั่นคดีเงียบ เหตุ ‘ตร.’ เมาซิ่งกระบะเฉี่ยวเก๋งเผ่นหนี กล้องหน้ารถจับภาพชัด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *