“บัวลอย” อ่อนลงเป็นหย่อมกดอากาศต่ำผ่านภาคเหนือวันนี้
วันนี้เรามาพูดถึงสถานการณ์พายุที่กำลังเป็นที่สนใจของหลายๆ คนกันนะครับ พายุดีเปรสชัน “บัวลอย” ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว และคาดว่าจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือของไทยในวันนี้ สถานการณ์นี้ส่งผลให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยมีฝนตกหนัก โดยเฉพาะทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนเดินทางหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรติดตามข้อมูลล่าสุดเพื่อความปลอดภัย
“บัวลอย” อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ คาดผ่านภาคเหนือของไทยวันนี้
ตามรายงานจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สถานการณ์น้ำและอากาศภาพรวมของประเทศ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 07.00 น. พบว่าปริมาณฝนสะสมใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สูงสุดในภาคเหนือที่จังหวัดพิษณุโลก 195 มิลลิเมตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดอุดรธานี 148 มิลลิเมตร ภาคตะวันตก จังหวัดราชบุรี 22 มิลลิเมตร ภาคกลาง จังหวัดสิงห์บุรี 42 มิลลิเมตร ภาคตะวันออก จังหวัดตราด 46 มิลลิเมตร และภาคใต้ จังหวัดชุมพร 110 มิลลิเมตร สภาพอากาศวันนี้มีร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านเมียนมาตอนบนและภาคเหนือตอนบนของไทย เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ทั่วไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี ระนอง และพังงา
ผลกระทบจาก “บัวลอย” อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ
พายุดีเปรสชัน “บัวลอย” (BUALOI) ซึ่งเดิมเป็นพายุที่มีกำลังแรง ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณแขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว คาดว่าจะเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมพาดผ่านเมียนมาตอนบนและภาคเหนือตอนบนของไทยในวันนี้ (30 ก.ย. 68) สถานการณ์นี้ยังคงทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือที่อาจมีน้ำท่วมฉับพลันหรือดินถล่มได้ ประชาชนควรหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงและเตรียมพร้อมรับมือ
สำหรับคาดการณ์ในช่วงวันที่ 1-5 ตุลาคม 2568 ประเทศไทยจะมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังอ่อนลงและเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้เริ่มอ่อนกำลัง สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น แต่ไม่ควรถอนตัวจากความระมัดระวัง
สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำและมาตรการรับมือ
ในส่วนของสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำภาพรวม ปริมาณน้ำรวมอยู่ที่ 81% ของความจุเก็บกัก หรือ 65,109 ล้านลูกบาศก์เมตร และปริมาณน้ำใช้การ 71% หรือ 40,987 ล้านลูกบาศก์เมตร สทนช. กำลังติดตามและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำ
มาตรการหลักคือการปรับการระบายน้ำของเขื่อนต่างๆ เพื่อเตรียมพื้นที่ว่างรองรับน้ำหลากจากอิทธิพลของ “บัวลอย” อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ โดยดำเนินการแบบขั้นบันได ดังนี้:
- เขื่อนสิริกิติ์: เพิ่มการระบายจาก 10 ล้าน ลบ.ม./วัน เป็น 15 ล้าน ลบ.ม./วัน
- เขื่อนภูมิพล: เพิ่มจาก 10 ล้าน ลบ.ม./วัน เป็น 15 ล้าน ลบ.ม./วัน
- เขื่อนอุบลรัตน์: ทยอยเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน 30 ล้าน ลบ.ม./วัน
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์: คงที่ประมาณ 51 ล้าน ลบ.ม./วัน
การจัดการเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงน้ำล้นเขื่อนและป้องกันน้ำท่วมในลุ่มน้ำสำคัญ หากคุณอาศัยในพื้นที่เสี่ยง ควรตรวจสอบระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำใกล้เคียงและปฏิบัติตามคำเตือนจากทางการ
นอกจากนี้ หย่อมความกดอากาศต่ำนี้ยังส่งผลต่อการเกษตรและการคมนาคม โดยเฉพาะในภาคเหนือที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก เช่น เชียงใหม่และเชียงราย นักท่องเที่ยวควรเลื่อนแผนหรือเตรียมอุปกรณ์กันฝนให้พร้อม สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วแบบนี้เตือนใจให้เราตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
ในความเห็นของผม สถานการณ์ “บัวลอย” อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ คาดผ่านภาคเหนือของไทยวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำได้ดีในการจัดการน้ำ แนะนำให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและเตรียมแผนสำรอง หากมีฝนตกหนัก อย่าลืมช่วยเหลือเพื่อนบ้านที่อาจได้รับผลกระทบ
ที่มา – “บัวลอย” อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ คาดผ่านภาคเหนือของไทยวันนี้