“ไชยชนก” เร่งเชื่อมข้อมูล รับมือภัยไซเบอร์

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยในงาน “DG Summit 2025” ว่า รัฐบาลจะเร่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ “เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล” อย่างเต็มรูปแบบ โดยได้กำหนดทิศทางให้เทคโนโลยีดิจิทัลคือโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคตของประเทศ ซึ่งทางกระทรวงดีอี กำลังผลักดันโครงการที่เป็นประโยชน์หลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็น ดิจิทัล สตาร์ทอัพ และ เอไอแซนบ็อกซ์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ และนักนวัตกรรมไทยได้ทดลองและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย การทำโครงการ ดิจิทัล เทรด อินฟราสตัสเจอร์ เพื่อสร้างระบบการค้าดิจิทัลที่เชื่อมโยงระหว่างประเทศอย่างปลอดภัย โปร่งใส และเป็นธรรม และการขยายโครงสร้างพื้นฐาน 5จี และ บอร์ดแบนด์ ให้เข้าถึงทุกหมู่บ้าน เพื่อให้คนไทยทุกคนมีโอกาสเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเท่าเทียม

ทั้งนี้อีกหนึ่งงานสำคัญ คือ คลาว์ดภาครัฐ และ ดาต้า อินฟราสตัสเจอร์ ที่เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐอย่างปลอดภัย โปร่งใส โดยกำลังศึกษาและพัฒนาแนวทางการใช้ระบบแบบกระจายศูนย์ เพื่อเพิ่มความมั่นคงของข้อมูลภาครัฐในระยะยาว โดยเฉพาะข้อมูลสำคัญระดับชาติ เพื่อให้สามารถรักษาความต่อเนื่องของบริการ ได้แม้ในกรณีระบบส่วนกลางหยุดชะงัก และได้พัฒนาแนวทางการบริหารจัดการความมั่นคงและความปลอดภัยของข้อมูลแบบกระจายศูนย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการโจมตีในจุดเดียว และเสริมสร้างขีดความสามารถของภาครัฐในการรับมือภัยไซเบอร์ นำ เทคโนโลยีบล็อกเชน มาประยุกต์ใช้ในบางกระบวนการ เพื่อให้ข้อมูลภาครัฐมีความ โปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ และมีความน่าเชื่อถือสูงสุด ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างระบบบริการดิจิทัลที่ปลอดภัยและมีมาตรฐานสากล

“ปีนี้รัฐบาลจะเดินหน้ายกระดับ คลาว์ดภาครัฐ ให้มีอธิปไตยข้อมูล และ ความยืดหยุ่นสูง เพื่อให้ระบบของรัฐสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องแม้ในภาวะวิกฤติ พร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่ เช่น เอไอ แบะ ไอโอที ที่จะเป็นพลังสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยในอนาคต พร้อมยกระดับความปลอดภัยของข้อมูล ให้ไทย เซิร์ต ทำหน้าที่เป็น ศูนย์กลางความร่วมมือด้านไซเบอร์แห่งชาติ ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เชื่อมโยงกับทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน เพื่อให้ประเทศไทยมีระบบเตือนภัยล่วงหน้าและตอบสนองต่อเหตุได้ทันท่วงที”

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ไม่แพ้เทคโนโลยี คือ ความเชื่อมั่นของประชาชน กระทรวงดีอี จึงมุ่งสร้างระบบคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเชิงรุก (Proactive Privacy Management) ภายใต้กฎหมาย PDPA และส่งเสริมมาตรฐานการบริหารข้อมูลของภาครัฐให้เป็นระบบเดียวกัน (National Data Governance Framework)เป้าหมายไม่ใช่เพียง ปกป้องข้อมูล แต่คือการ ใช้ข้อมูลอย่างมีคุณค่าและตรวจสอบได้ เพื่อสร้างวัฒนธรรมใหม่ของภาครัฐที่รับผิดชอบต่อข้อมูลของประชาชนอย่างแท้จริง

“ไชยชนก”เร่งเชื่อมข้อมูลประเทศแบบกระจายศูนย์ รับมือ “ภัยไซเบอร์” บริการรัฐไม่มีชัดดาวน์

ทำไมการเชื่อมข้อมูลจึงสำคัญต่อการรับมือภัยไซเบอร์?

การที่นายไชยชนกเร่งเชื่อมข้อมูลประเทศแบบกระจายศูนย์ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับมือภัยไซเบอร์ เพราะเป็นการสร้างระบบที่มีความยืดหยุ่นและยากต่อการโจมตี หากข้อมูลถูกเก็บไว้ในจุดเดียว จะมีความเสี่ยงสูงที่ผู้ไม่หวังดีจะเข้าถึงและสร้างความเสียหาย การกระจายข้อมูลจะช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้

นอกจากนี้ นโยบายนี้ยังช่วยให้การบริการของภาครัฐมีความต่อเนื่อง แม้ว่าระบบส่วนกลางจะล่ม การมีระบบข้อมูลสำรองที่กระจายอยู่ จะทำให้ประชาชนยังสามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้

การรับมือภัยไซเบอร์ที่มีประสิทธิภาพนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน การสร้างความตระหนักรู้และให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยไซเบอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

รัฐบาลภายใต้การนำของนายไชยชนก ชิดชอบ กำลังวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นคงและปลอดภัย การรับมือภัยไซเบอร์ไม่ใช่เพียงแค่การป้องกัน แต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับประชาชนในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

ที่มา – “ไชยชนก”เร่งเชื่อมข้อมูลประเทศแบบกระจายศูนย์ รับมือ “ภัยไซเบอร์” บริการรัฐไม่มีชัดดาวน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *