ชุดเฉพาะกิจ ทส. จับ! ลักลอบค้าไม้สักเถื่อน

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.68 ชุดเฉพาะกิจกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ฉก.ทส.) ตามนโยบาย นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งการให้ป้องกันและปราบปรามกลุ่มนายทุน ผู้มีอิทธิพล เครือข่าย กลุ่มขบวนการ รวมถึงตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุนในการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ สงวนแห่งคุ้มครองสัตว์ป่า ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การอำนวยการของพล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ที่ปรึกษา รมว.ทส. นายเทวินทร์ มีทรัพย์ ประจำชุดเฉพาะกิจ (ฉก.ทส.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ รองปลัด ทส. นายนิกร ศิรโรจนานนท์ รักษาราชการอธิบดีกรมป่าไม้ ได้อำนวยการและสั่งการให้นายชาญชัย กิจศักดาภาพ หัวหน้าหน่วยหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ส่วนสนับสนุนการปฏิบัติ ชุด ฉก.ทส. บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ส่วนปฏิบัติการพิเศษ สปฟ. กปม. ตำรวจ กก.2 บก.ปทส. โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.เอนก เตา สุภาพ ผบก.ปทส. สจป. 9 สาขาปราจีนบุรี อำนวยการโดยนายธีรวัฒน์ อ่อนสำลี ผอ.สำนัก พร้อมหน่วยงานในสังกัด ศปป.1 (ภาคกลาง) สปฟ. กปม.

ร่วมกันติดตาม ตรวจสอบ กลุ่มขบวนการลักลอบทำไม้เถื่อน ตามที่นายคม ศรีสวัสดิ์ เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส ประจำชุด ฉก.ทส. ได้รับแจ้งจากสายข่าวที่เชื่อถือได้ ว่าจะมีการลักลอบนำไม้สักเถื่อน จากท้องที่อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ลงมายังพื้นที่ภาคกลาง เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร

วันที่ 23 ตุลาคม 2568 ต่อเนื่องจนถึง 24 ตุลาคม 2568 ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ประสานการปฏิบัติกับตำรวจ กก.2 ปทส. ติดตามเส้นทางการเคลื่อนที่ของรถบรรทุกเป้าหมาย จาก อ.ท่าสองยาง จ.ตาก จนมาถึงจุดที่รถบรรทุกดังกล่าว ได้จอดเพื่อลงไม้ ณ โรงค้าไม้แปรรูป (อบไม้) ในพื้นที่ ต.บางขวัญ อ.เมืองฯ จ.ฉะเชิงเทรา คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงได้ใช้อำนาจความเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายด้วยการป่าไม้ ขออนุญาตเข้าทำการตรวจสอบ นายมานะ มาลาหอม คนขับรถบรรทุก ให้การว่า บริษัทฯ ขนส่ง นายจ้างตน ได้รับจ้างขนไม้ดังกล่าว มาจากริมแม่น้ำเมย อ.ท่าสองยาง จ.ตาก มายังโรงค้าไม้แปรรูปแห่งนี้ โดยมีนายสิทธิศักดิ์ มาสาและ เป็นเจ้าของไม้ เพื่อส่งมอบไม้ให้กับ บริษัทจำกัดแห่งหนึ่ง

จากการตรวจสอบเอกสารการได้ไม้ของไม้ พบว่า มีข้อพิรุธหลายประการ และไม่สอดคล้องกับไม้สักแปรรูปที่ทำการตรวจสอบทั้งหมด คณะเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันตรวจยึดไม้สักแปรรูป (ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจนับ จัดทำบัญชีไม้) ซึ่งคำนวณคร่าวๆ ประมาณ 3,200 แผ่น ปริมาตรประมาณ 28 ลบ.ม. คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐประมาณ 3,360,000 บาท และจะมอบให้นายชาญชัย กิจศักดาภาพ หน.หน่วยฯ พยัคฆ์ไพร นำแจ้งความกล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปทส. ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งกระบวนการ ในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 48 ประกอบมาตรา 73 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264.

ชุดเฉพาะกิจ ทส. จับ! ลักลอบค้าไม้สักเถื่อน

การจับกุมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้าไม้สักเถื่อน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าของประเทศ การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

ผลกระทบของการลักลอบค้าไม้สักเถื่อน

การลักลอบค้าไม้สักเถื่อน ส่งผลเสียต่อประเทศในหลายด้าน ได้แก่

  • สูญเสียรายได้ของรัฐ: เนื่องจากไม้สักที่ถูกลักลอบตัดและจำหน่ายไม่ได้เสียภาษี
  • ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ: การตัดไม้ทำลายป่าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ
  • ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ: การลักลอบค้าไม้เถื่อนเป็นสิ่งผิดกฎหมายและส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของนานาชาติ

ดังนั้น การป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้าไม้สักเถื่อน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศและป้องกันผลกระทบด้านลบอื่นๆ

ที่มา – ชุดเฉพาะกิจ ทส. ฟิตจัด! ลุยจับลักลอบค้าไม้สักเถื่อน มูลค่ากว่า 3.36 ล้าน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *